เจมส์ เรืองศักดิ์ อวดลูกสาว ตามสไตล์คุณพ่อมือใหม่

ออกปากบอกเองเลยว่าทั้งเป็นห่วงและหวงลูกสาว น้องเมดา หนักมากจริงๆ สำหรับคุณพ่ออย่าง เจมส์-เรืองศักดิ์ ลอยชูศักดิ์ ถึงกับเรียกได้เลยว่าเลี้ยงลูกแบบไข่ในหิน ทั้งๆ ที่ไม่ได้ตั้งใจอยากให้เป็นแบบนี้
โดยเจมส์ เรืองศักดิ์ ได้เผยให้ฟังว่า ตนมักจะถูกภรรยาสาว ครูก้อย นัชชา ปรามอยู่บ่อยๆ ถึงวิธีการดูแลลูก เพราะบางทีความกังวลต่างๆ ที่มีมากเกินไป ทำให้จะหยิบจับอะไรต้องระวังไปหมด ซึ่งยอมรับว่ามีทั้งข้อดีข้อเสีย ตอนนี้เลยพยายามจะใจแข็งให้มากขึ้น
ก่อนหน้านี้บอกว่าจะงดรับงาน แต่ก็มารับเรื่องนี้ ?
“ใช่ครับ เพราะน้องเมดาเริ่มเข้าขวบกว่าๆ แล้ว ไม่ใช่เด็กแบเบาะแล้ว เดินได้ วิ่งได้ ตอนนี้ก็เลยขออนุญาตลูกแล้ว (ยิ้ม)
เพราะคิดว่าไม่อยากจะทิ้งวงการบันเทิงไปเลยครับ ก็เลยคิดว่าปีหนึ่งจะรับสัก 1-2 เรื่อง และเรื่องนี้ก็เป็นการถ่ายแบบสั้นๆ
ลดจำนวนจากเดิมลง ?
“ครับ ก่อนจะมีลูกเราถ่ายละคร 7 วัน แต่ตอนนี้เราอาจจะถ่ายละครได้เต็มที่ก็สัก 3 วัน ที่เหลือก็อาจจะมีรับคอนเสิร์ต
เพราะอยากจะจัดสรรเวลา มีเรื่องของครอบครัว เรื่องของลูกให้เป็นส่วนใหญ่ด้วย”
เลือกครอบครัวมาอันดับหนึ่งเลย ?
“คือไปอ่านงานวิจัยตัวหนึ่ง เขาบอกว่าเด็กอายุ 1-3 ขวบเป็นช่วงสำคัญมาก ถ้าหากว่าเราไม่ให้เวลาเขาตอนนี้ หลังจากนี้เขาอาจจะไม่อนุญาตให้เราให้เวลากับเขาแล้ว ก็เลยคิดว่าเรายอมตรงนี้ดีกว่า”
ตอนนี้น้องพัฒนาการเป็นยังไงบ้าง ?

“กำลังน่ารักมากครับ การเรียนรู้ของเขา การพูด การจำของเขามีพัฒนาการที่ดี และมีความผูกพันกับพ่อแม่มากเลยครับ ก็เลยรู้สึกว่าต้องให้เวลากับเขาให้เต็มที่ที่สุด”
กลายเป็นคนติดลูกไปเลย ?
“โอ้โห ต้องเรียกว่าคุณแม่เขายังบอกว่าปล่อยๆ บ้าง (หัวเราะ) ย่าแทบจะไม่ให้แตะแล้วตอนนี้
คือเรากังวลไปหมดว่าจะล้มไหม หน้าจะคว่ำไหม โน่นนี่ไหม เพราะ 1 กันยายนนี้เขาจะเปิดเรียนแล้ว เป็นหลักสูตรก่อนเตรียมอนุบาล
เราก็บอกคุณครูว่ามีให้ผู้ปกครองเข้าไปเรียนด้วยได้ไหม ด้วยความว่าอยากจะไปดูแลเขาที่โรงเรียน แต่โรงเรียนเขาก็ดีนะ ให้ผู้ปกครองเข้าไปนั่งเรียนด้วย
ก็คิดว่าสัก 6 เดือนหรือ 1 ปี ถ้าเขาเริ่มปรับตัวได้ก็จะปล่อยให้เขาไปเรียนคนเดียว”
เราเป็นห่วงอะไรขนาดนั้น ?
“ไม่รู้ทำไมเหมือนกันครับ เรานึกว่าคนเป็นแม่จะกังวลมากกว่า แต่กลายเป็นคนเป็นพ่อกังวลมากกว่า
เพราะกลัวว่าถ้าละสายตาเราไปแล้ว
คนอื่นเขาจะระวังลูกเราอย่างที่เราระวังเขาไหม ซึ่งอันนี้มันก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย (หัวเราะ)
เพราะบางทีถ้าเราไประวังมาก เขาก็อาจจะไม่ได้พัฒนาไปอย่างถูกต้อง
ผมก็เลยต้องพยายามทำใจให้แข็งๆ ไว้ครับ”
ถ้าวันเข้าโรงเรียนจริงๆ เราไม่ร้องไห้เลยเหรอ ?
“ก็กลัวอยู่เนี่ย นี่ยังนั่งคุยกับ แอน อลิชา ตลอดว่าเป็นยังไงบ้าง
วันแรกของลูกไปโรงเรียนแอนก็ร้องห่มร้องไห้
ผมก็คิดในใจว่าครูก้อยไม่น่าจะร้อง ผมนี่แหละที่น่าจะร้องและน่าจะกังวลมาก (หัวเราะ)
แต่ก็โอเคครับ เราต้องใจแข็ง”
